ศัพท์เทคนิคทางโทรทัศน์
ศัพท์เทคนิคทางโทรทัศน์
Action – คำสั่งของผู้กำกับการแสดง ให้นักแสดงเริ่มแสดงตามคิว หลังจากที่สั่งใกล้ช่างภาพเดินกล้องแล้ว*
Angle – มุมกล้อง หมายถึงทิศทางหรือมุมกล้องที่กล้องทำมุมสัมพันธ์กับวัตถุที่ถ่าย
Art House :
โรงภาพยนตร์ขนาดเล็กที่มีการจัดฉายภาพยนตร์ให้กับกลุ่มผู้ชมเฉพาะกลุ่มที่
เป็นคอหนังหรือแฟนหนัง (แฟนพันธุ์แท้หนังอาร์ต) จริงๆ เช่น
ผู้ชมที่สนใจหนังในเชิงศิลปะมากกว่าความบันเทิง
หรือสนใจผลงานของผู้กำกับมากกว่าตัวดารา
ภาพยนตร์ที่จัดฉายจะเป็นภาพยนตร์ที่มีแนวคิดแอบแฝง
อาจมีรางวัลจากการประกวดก็ได้ จนไปถึงภาพยนตร์เชิงทดลอง
หรือผิดแผกแตกต่างจากภาพยนตร์ทั่วไป จนบางครั้งคนทั่วไปขนานนามว่า
“ภาพยนตร์ที่ต้องปีนบันไดดู”
Black Comedy
: ละคร นิยาย หรือภาพยนตร์ประเภทหนึ่งที่มีลักษณะตลกร้ายเฉพาะตัว
นำเสนอออกมาในลักษณะเสียดสี ประชด แดกดัน เช่น ตลกแนววิตถาร เครียด ขมขื่น
มองโลกในแง่ร้าย หรือเจ็บปวด
Break Down Script
– การแตกบทภาพยนตร์ออกเป็นหมวดหมู่ เพื่อสะดวกในการถ่ายทำ
เพราะไม่จำเป็นต้องถ่ายเรียงทีละฉากตามที่ระบุไว้ใน Scriptและนำมา
ตัดต่อภายหลัง หรือเรียกอีกอย่างว่า การเจาะถ่าย
Boom
– อุปกรณ์ที่ไว้สำหรับแขวนไมค์โครโฟน
มีลักษณะเป็นแท่งยาวๆสามารถเคลื่อนย้ายได้
ที่ด้านปลายจะมีไมค์โครโฟนติดอยู่ไว้สำหรับบันทึกเสียงระหว่าง การถ่ายทำ
Cinch Marks
:
รอยขีดข่วนเป็นทางยาวแนวดิ่งบนแผ่นฟิล์มซึ่งเกิดจากดึงฟิล์มตึงเกินไปขณะพัน
รอบม้วน ทำให้เนื้อฟิล์มสัมผัสเสียดสีกับแกนยึดฟิล์มเวลาฉาย
รอยจะเด่นชัดมากขึ้นเรื่อยๆ ตามจำนวนครั้งที่ใช้งาน
มักพบเห็นบนภาพยนตร์ของขบวนหนังเร่ หรือหนังกลางแปลงที่ชาวบ้านเรียกกันว่า
“รอยสายฝน” หรือ “หนังฝนตก” เป็นต้น
Continuity – ตำแหน่งผู้ควบคุมความต่อเนื่อง ส่วนใหญ่จะนิยมให้ผู้หญิงทำหน้าที่นี้ เนื่องจากต้องใช้ความรอบคอบและความช่างสังเกตุสูง
Crane – ปั้นจั่นขนาดใหญ่ที่มีได้สำหรับติดตั้งกล้องภาพยนตร์ เพื่อนไว้ถ่ายภาพมุมสูง
Cue
– (อ่านว่า “คิว”) เป็นสัญญาณบอกนักแสดงให้เริ่มแสดง ส่วนใหญ่จะเป็น cue
ที่ 2 เป็นต้นไป เพราะcue แรกเป็นการสั่ง action ของผู้กำกับอยู่แล้วเช่น
“เมื่อผู้กำกับสั่ง action
นักศึกษาในห้องก็เริ่มเล่นกันคุยกันระหว่างรออาจารย์มาสอน
จากนั้นผู้กำกับก็จะให้ cue กับนักแสดงที่รับบทเป็นอาจารย์เดินเข้า มา”
เป็นต้น ซึ่งสัญญาณนี้จะเป็นอะไรก็ได้ตามแต่จะตกลงกัน
Cut
– เป็นการสั่งของผู้กำกับเพื่อให้หยุดการบันทึกของช็อตนั้น
ซึ่งทีมงานในกองถ่ายอีกคนหนึ่งที่สามารถสั่งได้ นั้นก็คือคนที่ทำหน้าที่
Continuity
Cut-Away
– ช็อตเหตุการณ์ใกล้เคียงกับเหตุการณ์ที่กำลังดำเนินเรื่องหลักอยู่ เช่น
“เจ้านายกำลังขับรถเลี้ยวเข้าบ้าน ตัดภาพเป็น cut-away ที่ภาพคนรับใช้ที่
กำลังออกมารอต้อนรับ” เป็นต้น
Cut-In –
ภาพระยะใกล้ (insert) ของเหตุการ์ที่กำลังดำเนินอยู่ เช่น
“ภาพระดับสายตาคนกำลังพายเรืออยู่ในคลองแถวบ้าน และตัดเป็นภาพ cut-in
ไปที่ไม้พายที่กำลังแหวกน้ำ” เป็นต้น
Day for Night Shooting :
ฉากที่ถ่ายทำในเวลากลางวัน แต่ให้ภาพออกมาเหมือนกับฉากตอนกลางคืน
สามารถทำได้โดยใช้ฟิลเตอร์พิเศษใส่หน้ากล้องขณะถ่ายทำ
หรือสามารถทำในห้องแล็ปโดยใช้เทคนิคพิเศษ
Dolly – พาหนะที่มีล้อเลื่อนได้ สำหรับตั้งกล้องเพื่อถ่ายภาพในช็อตประเภท dolly shot, track หรือ truck
Dutch Angle
– มุมเอียง
การตั้งกล้องมุมนี้เป็นการแสดงภาพแทนความรู้สึกของตัวละครตัวใดตัวหนึ่ง
หรือการสร้างบรรยากาศให้มีความรู้สึก เวิ้งว้าง วังเวง พิกล ผิดอาเพศ
Extra :
ตัวประกอบ เป็นนักแสดงที่จ้างเป็นรายวัน เพื่อรับบทเล็กๆ น้อยๆ
ตัวประกอบจะไม่มีบทพูด หรือส่งเสียงโต้ตอบใดๆ ทั้งสิ้น
มักเป็นตัวประกอบในฉากยกทัพในสนามรบ หรือผู้คนมากมายในงานเลี้ยงสังสรรค์
หรือเดินผ่านไปมาเพื่อบรรยากาศพุกพ่ามของผู้คนในสวนสาธารณะ
Eye level Angle –
มุมระดับสายตา กล้องจะตั้งอยู่ในระดับสายตาของมนุษย์
ภาพที่ถูกบันทึกจะให้ความรู้สึกเป็นกันเอง เรียบง่าย กับคนดู
และเหมือนกับการดึงคนดูเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์
มุมภาพในระดับนี้จะทำให้เราได้เห็นรายละเอียดเพียงด้านเดียวเนื่องจา
กล้องจะตั้งในระดับเดียวกันกับวัตถุที่ถ่าย
Film
: แผ่นเซลลูลอยด์บางๆ ฉาบด้วยสารไวแสง สามารถบันทึกภาพได้
มีรูหนามเตยที่ขอบเพื่อช่วยในการ Load ฟิล์ม ใช้ในงานถ่ายภาพนิ่ง
และภาพยนตร์ ฟิล์มมีหลายประเภทและขนาดความไวแสงตามความต้องการของผู้ใช้
เช่น ฟิล์ม Day light สำหรับงานถ่ายภาพกลางวัน, ฟิล์ม Tungsten
สำหรับถ่ายกลางคืน ช่วยตัดแสงสีเหลืองจากหลอดไฟ
หากนำมาถ่ายในตอนกลางวันจะได้ภาพสีอมฟ้า เป็นต้น
Flash Cut
: การตัดมีแสงสว่างแวบ เป็นการตัดต่อภาพเพื่อสร้างรู้สึกทางอารมณ์
หรือเพื่อแสดงความไม่ต่อเนื่องของช่วงเวลา เพื่อย้อยสู่อดีตหรือไปสู่อนาคต
Footage : ฟิล์มภาพยนตร์ช่วงหนึ่ง หรือตอนหนึ่ง ที่มีความยาววัดเป็นฟุต เช่น Footage ทั้งหมดของภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทำที่เมืองไทย
Grips
: ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบการซ่อมแซม บำรุง รักษา
และดัดแปลงอุปกรณ์ฉากที่ใช้แล้ว ให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อีกหลายๆ ครั้ง
เพราะส่วนมากฉากบางฉากนั้นไม่ได้ถ่ายเสร็จภายในครั้งเดียว
อาจจะใช้ทั้งเรื่องก็ได้
High Angle –
มุมสูง หรือ มุมก้ม กล้งจะตั้งอยู่สูงกว่าวัตถุ
เวลาถ่ายต้องกดหน้ากล้องลงมาเล็กน้อยเพื่อที่จะถ่ายวัตถุที่อยู่ต่ำกว่า
ภาพในมุมนี้จะทำให้คนดูเห็นว่าวัตถุที่ถ่ายนั้นต่ำต้อย ด้อยค่า
ไร้ความหมาย ตกต่ำ สิ้นหวัง แพ้พ่ายและถ้าหากเป็นภาพยนตร์ที่ใช้มุม
ล้องเล่นกับคนดูด้วยแล้ว จะทำให้คนดูรู้สึกว่าตัวเองมีอำนาจ สูงส่ง
เป็นผู้ควบคุมสิ่งที่ปรากฎอยู่ในภาพ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็จะตรงกันข้ามกับ Low
Angle
Jump Cut : การเปลี่ยนช็อตอย่างฉับพลันโดยการตัดภาพ ให้ผลในด้านความไม่ต่อเนื่องของเวลา และสถานที่ ทำให้เนื้อเรื่องกระโดดไปกระโดดมา
Low Angle
– มุมต่ำ หรือ มุมเงย
กล้องจะตั้งอยู่ต่ำกว่าวัตถุแล้วเงยหน้ากล้องขึ้นมาเพื่อถ่ายวัตถุที่อยู่
สูงกว่า
ทั้งนี้บางครั้งนิยมถ่ายภาพเพื่อเน้นส่วนสำคัญหรือสร้างจุดสนใจให้กับวัตถุ
ที่ถ่าย เมื่อคนดูเห็นภาพในมุมนี้จะทำให้รู้สึกว่าวัตถุที่ถ่ายนั้นสูงส่ง
มีค่า ยิ่งใหญ่ อลังการ โอ่อ่า น่าเกรงขาม
ในขนะเดียวกันก็จะทำให้คนดูรูสึกว่าตัวเองนั้นต่ำต้อยกว่าวัตถุนั้นๆ
นิยมถ่ายโบราณสถาน สถาปัตยกรรมขนาดใหญ่
เพื่อทำให้รู้สึกว่าสถานที่แห่งนั้นยิ่งใหญ่สูงค่า น่าเกรงขาม
Pan –
คือการหันกล้องระหว่างที่มีการถ่ายทำจากซ้ายไปขวา หรือจากขวาไปซ้าย
หากเราต้องการเน้นสิ่งใดให้แพนมาหยุดที่สิ่งนั้นเป็นส่งสุดท้ายเช่น
“แพนจากภาพเด็กที่กำลังยืนมองตั้งหนังสือการตูนเรื่องโปรดที่สะสมมาตั้งแต่
เด็ก ที่มีมากมายมหาศาล
แพนไปหาชั้นวางหนังสือที่มีที่ว่างพอสำหรับหนังสือไม่กี่สิบเล่ม” เป็นต้น
เท่านี้คนดูก็อาจเข้าใจได้ว่าเด็กคนนี้กำลังประสบปัญหาไม่มีที่เก็บหนังสือ
การ์ตูนของตัวเองแม้จะไม่มีบทพูดใดๆให้คนดูได้ทราบาก่อนเลยก็ตาม
ในช็อตนี้ภาพยนตร์กำลังสื่อว่าต้องการเน้นที่ชั้นวางหนังสือ
เพราะแพนมาสิ้นสุดที่ชั้นว่าง
Plot – การวางโครงเรื่องหลักๆ
Props :
วัสดุ หรืออุปกรณ์ประกอบฉากในการถ่ายทำ
บางครั้งอาจมีอยู่ในฉากแต่ไม่ได้ถูกถ่ายในเฟรมก็ได้
แต่จะจัดหามาเพื่อบรรยากาศของการแสดง
เพื่อสื่อให้คนดูรู้สึกว่ามีสิ่งนั้นอยู่จริงๆ
ทั้งทีไม่ได้ปรากฏบนแผ่นฟิล์มเลย
ผู้กำกับบางคนชอบใช้วิธีนี้ในการคุมอารมณ์ของหนัง คำว่า Props
ย่อมาจากคำว่า Properties
Scene
: ฉากๆ หนึ่งในภาพยนตร์ เป็นหน่วยย่อยรองมาจาก Sequence (ตอนๆ หนึ่ง)
ซึ่งประกอบด้วยช็อตหลายๆ ช็อตที่เกิดขึ้นในสถานที่เดียวกัน
และมีการกระทำต่อเนื่องของช็อตเหล่านี้ทำให้เกิดความสัมพันธ์ที่เป็นเหตุ
เป็นผลต่อเนื่อง และภาพยนตร์ Art
บางเรื่องนิยมถ่ายช็อตเดียวทิ้งยาวในฉากเดียวโดยไม่มีการตัดต่อเพิ่มเติมใดๆ
เช่น ภาพยนตร์จากญี่ปุ่น
Screenplay – บทภาพยนตร์สำหรับนักแสดงเอาไว้อ่าน ซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวสถานที่ วัน เวลา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ละฉาก พร้อมบทสนทนา
Script – บทภาพยนตร์ที่ใช้สำหรับถ่ายทำภาพยนตร์ อาจจะเขียนขึ้นมาใหม่หรือดัดแปลงมาจากวรรณกรรม นวนิยาย เรื่องสั้น
Sequence :
ตอนๆ หนึ่งของภาพยนตร์ ซึ่งเกิดจากซีน (Scene) หลายๆ ซีนมารวมกัน
มีความสมบูรณ์ในตัวเอง อาจเริ่มต้นและจบลงด้วยการเชื่อมภาพแบบ fade,
dissolve หรือ cut ภาพยนตร์เรื่องหนึ่งจะประกอบด้วย Sequence หลายๆ
Sequence มารวมกันเป็นเรื่องราว เช่น Sequence ตอนพระเอกยังวัยเด็ก,
Sequence ตอนพระเอกพบรักครั้งแรก เป็นต้น
Shot – เป็นการบันทึกภาพในแต่ละครั้ง กล่าวคือ เริ่มกดปุ่มบันทึกภาพหนึ่งครั้งและกดปุ่มหยุดบันทึกอีกหนึ่งครั้ง นับเป็น 1 shot
Shooting Script
– เป็นบทถ่ายภาพยนตร์สำหรับทีมงาน ซึ่งจะมีข้อมูลทางเทคนิค
การวางตำแหน่งกล้อง การเคลื่อนกล้อง ขนาดภาพ มุมภาพ เป็นศัพท์และคำ
ย่อเฉพาะทางด้านภาพยนตร์ทั้งสิ้น จึงเหมาะสำหรับทีมงานของกองถ่ายนั้นๆ
หรือผู้ที่ศึกษามาทางภาพยนตร์โดยเฉพาะ
Slate :
แผ่นกระดานชนวน ที่ใช้ถ่ายก่อนการถ่ายทำในแต่ละเทค โดยมีการขีดเขียน
หรือบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับเทคนั้นๆ
เพื่อให้คนตัดต่อได้ทราบว่าเทคนั้นเป็นเทคที่เท่าใด
และจะมีไม้ตีเกี่ยวอยู่ข้างบน เพื่อทำให้เกิดเสียง
เมื่อเวลาตัดต่อจะสามารถเชื่อมภาพกับเสียงเข้าด้วยกัน
ทำให้เสียงพูดกับปากนักแสดงตรงกัน และหากเทคใดลืมถ่าย Slate
ก็ให้ถ่ายในตอนท้ายของเทคนั้น โดยถ่ายแผ่น Slate กลับหัว
Slate –
บอร์ดแสดงข้อมูลการถ่ายทำในแต่ละช็อต
ซึ่งจะมีข้อมูลของช็อตนั้นที่กำลังจะถ่ายเช่น ชื่อภาพยนตร์ ฉาก ช็อต
เทคที่เท่าไรชื่อผู้กำกับ ช่างภาพ ถ่ายกลางวันหรือกลางคืน
ภายนอกหรือภายใน ฟิล์มม้วนที่เท่าไร วันที่ถ่าย เป็นต้น
ซึ่งก่อนการถ่ายผู้กำกับต้องสั่งให้ทีมงานนำ Slate
เข้ามาโชว์ที่หน้ากล้องเพื่อบันทึกว่าสิ่งที่กำลังจะถ่ายต่อไปนี้คืออะไร
เพื่อเป็นประโยชน์ตอนตัดต่อ
Skin Flick :
ภาพยนตร์ที่แสดงให้เห็นเนื้อหนังมังสา สัดส่วนโค้งเว้า
โดยมากจะเป็นภาพของสตรี แต่ก็ไม่เสมอไป
เป็นการกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกของคนดูจากความงามที่นำเสนอ
แต่ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นเรื่องลามกอนาจาร เช่นเรื่อง Apple Knockers and
the Coke ก่อนปี ค.ศ. 1948 ของ Marilyn Monroe
โดยที่เธอปรากฎกายในลักษณะเปลือยเปล่า กำลังเล่นกับลูกแอปเปิ้ล
และขวดโคล่าอย่างมีเลศนัย
ซึ่งภาพยนตร์ในบัจจุบันนิยมกันมากเพื่อเป็นจุดขายมากกว่าภาพศิลปะ
Storybord – ภาพประกอบเหตุการณ์ในแต่ละช็อต เพื่อให้การถ่ายทำได้เห็นภาพเป็นรูปธรรมมากที่สุด ทั้งนี้เพื่อให้ทีมงานทุกฝ่ายเข้าใจตรงกัน
Subjective – มุมแทนสายตาตัวละครตัวใดตัวหนึ่ง ซึ่งมุมจะเปลี่ยนไปตามอิริยาบทของตัวละครที่กล้องแทนสายตาอยู่ ไม่ว่าจะ เดิน นั่งนอน
Synopsis – แนวความคิดหลัก และโครงสร้างของภาพยนตร์แบบกระชับ
Theme -แก่นของเรื่อง
Tilt –
คือการกดกล้องลงหรือเงยขึ้นระหว่างที่ถ่ายทำ (ลักษณะจะคล้าย pan
แต่เปลี่ยนจากซ้าย-ขวา เป็นบน-ล่าง) การสื่อความหมายจะคล้ายกับ pan คือ
ต้องการเน้นสิ่งใดก็ให้ Tilt ไปหยุดที่สิ่งนั้นเป็นสิ่งสุดท้าย เช่น
“กล้องแทนสายตาของฝ่ายชายที่กำลังตะลึงกับครั้งแรกที่เจอสาวสวย จนถึง
ขนาดต้องกวาดสายตาตั้งแต่ปลายเท้าของฝ่ายหญิง เรื่อยขึ้นมาจนถึงใบหน้า (
กล้องจะ tilt up )จนลืมไปว่าเป็นการเสียมารยาท” เป็นต้นในลักษณะนี้จะ
เป็นการเน้นที่หน้าของฝ่ายหญิงมากกว่าเรือนร่าง
Treatment – เป็นการขยายเรื่อง (Plot) ตั้งแต่ต้นจนจบอกมาในลักษณะความเรียง
อ้างอิง http://taditida.blogspot.com/2012/02/blog-post.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น